หลักการอ่านทั่วไป
การอ่าน หมายถึง การแปลความหมายของตัวอักษรออกมาเป็นความคิด โดยมีความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง และชัดเจน และนำความคิดนั้นไปใช้ประโยชน์
การอ่าน หมายถึง กระบวนการทางสมองที่จะแปลสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่มองเห็นได้ให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ตรงตามความคิดผู้เขียน และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
ความมุ่งหมาย
1. อ่านเอารส เช่น อ่านเพื่อความบันเทิง ฯลฯ
2. อ่านเอาเรื่อง เช่น อ่านจับใจความคร่าว ๆ อ่านเอาใจความสำคัญ อ่านเอารายละเอียด ฯลฯ
3. อ่านเอาสาระ เช่น อ่านค้นคว้าหาความรู้ อ่านข้อปฏิบัติ อ่านคำสั่ง ฯลฯ
ประเภทการอ่านที่เห็นความมุ่งหมายของการอ่าน แยกได้ 10 ประเภท
1. อ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ – อ่านสารคดี
2. อ่านเพื่อค้นหาคำตอบ - อ่านตำรา
3. อ่านเพื่อจับใจความสำคัญ
วิเคราะห์ส่วนประสอบ
ความสำคัญ
ความสัมพันธ์
หลักการ
4. อ่านเพื่อลำดับเหตุการณ์
5. อ่านเพื่อสรุปความหรือย่อความ
6. อ่านเพื่อหารายละเอียดของเรื่อง
7. อ่านเพื่อจัดทำรายงาน
8. อ่านเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลหรือข่าวสาร
9. อ่านเพื่อปฏิบัติตามคำแนะนำหรือคำสั่ง อ่านวิธีการ
10. อ่านเพื่อธุรกิจหรือการพาณิชย์
11. อ่านเพื่อความบันเทิง
* เครื่องหมาย √ หมายถึง ลักษณะของหนังสือคัมภีร์ <<เต้าเต๋อจิง>>
ขั้นตอนการอ่าน
1. สำรวจตนเองว่าจะอ่านหนังสืออะไร เพื่ออะไร
2. สำรวจหนังสือจากสารบัญหรือโครงเรื่องหนังสือที่ตรงจุดประสงค์ที่ต้องการ เพื่อย่นระยะเวลาในการอ่านหนังสือ
3. สำรวจสิ่งแวดล้อม สถานที่และเวลาที่เหมาะสม
4. ควรมีการเตรียมจดบันทึกสาระสำคัญที่ต้องการนำไปใช้ คือ สุ จิ ปุ ลิ
ลักษณะการอ่านที่ดี
1. ไม่ควรนอนอ่าน
2. มีสมาธิในการอ่าน
3. มีการจดบันทึกสิ่งที่ได้จากการอ่าน
4. รู้ที่มาของหนังสือที่อ่าน เพื่ออ้างอิง เพื่อหาความรู้ต่อยอดได้
5. มีวิจารณญาณในการอ่าน เพื่อวิเคราะห์สิ่งที่อ่านว่าอะไรเป็นข้อเท็จ อะไรเป็นข้อจริง
6. อ่านแล้วทบทวนสิ่งที่อ่านอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อจดจำ และเลือกนำไปปฏิบัติในการดำรงชีวิต
7. ถ้าต้องการอ่านเร็ว ต้องฝึกมาก ๆ และอ่านบ่อย ๆ จะช่วยลดเวลาในการอ่าน
8. ผู้อ่านควรมีประสบการณ์ความรู้พื้นฐานในเรื่องที่จะอ่าน หรือสนใจเรื่องที่จะอ่าน จึงจะประสบความสำเร็จ และเรียนศัพท์ใหม่ ๆ ที่เกิดจากการอ่าน
9. ผู้อ่านต้องฝึกจับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านให้ได้
10. อ่านแล้วต้องมีการทบทวนและเล่าต่อ ความรู้นั้นจะกลับมาให้จดจำได้ และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักการอ่านทั่วไป
การอ่าน หมายถึง การแปลความหมายของตัวอักษรออกมาเป็นความคิด โดยมีความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง และชัดเจน และนำความคิดนั้นไปใช้ประโยชน์
การอ่าน หมายถึง กระบวนการทางสมองที่จะแปลสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่มองเห็นได้ให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ตรงตามความคิดผู้เขียน และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
ความมุ่งหมาย
1. อ่านเอารส เช่น อ่านเพื่อความบันเทิง ฯลฯ
2. อ่านเอาเรื่อง เช่น อ่านจับใจความคร่าว ๆ อ่านเอาใจความสำคัญ อ่านเอารายละเอียด ฯลฯ
3. อ่านเอาสาระ เช่น อ่านค้นคว้าหาความรู้ อ่านข้อปฏิบัติ อ่านคำสั่ง ฯลฯ
ประเภทการอ่านที่เห็นความมุ่งหมายของการอ่าน แยกได้ 10 ประเภท
1. อ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ – อ่านสารคดี
2. อ่านเพื่อค้นหาคำตอบ - อ่านตำรา
3. อ่านเพื่อจับใจความสำคัญ
วิเคราะห์ส่วนประสอบ
ความสำคัญ
ความสัมพันธ์
หลักการ
4. อ่านเพื่อลำดับเหตุการณ์
5. อ่านเพื่อสรุปความหรือย่อความ
6. อ่านเพื่อหารายละเอียดของเรื่อง
7. อ่านเพื่อจัดทำรายงาน
8. อ่านเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลหรือข่าวสาร
9. อ่านเพื่อปฏิบัติตามคำแนะนำหรือคำสั่ง อ่านวิธีการ
10. อ่านเพื่อธุรกิจหรือการพาณิชย์
11. อ่านเพื่อความบันเทิง
* เครื่องหมาย √ หมายถึง ลักษณะของหนังสือคัมภีร์ <<เต้าเต๋อจิง>>
ขั้นตอนการอ่าน
1. สำรวจตนเองว่าจะอ่านหนังสืออะไร เพื่ออะไร
2. สำรวจหนังสือจากสารบัญหรือโครงเรื่องหนังสือที่ตรงจุดประสงค์ที่ต้องการ เพื่อย่นระยะเวลาในการอ่านหนังสือ
3. สำรวจสิ่งแวดล้อม สถานที่และเวลาที่เหมาะสม
4. ควรมีการเตรียมจดบันทึกสาระสำคัญที่ต้องการนำไปใช้ คือ สุ จิ ปุ ลิ
ลักษณะการอ่านที่ดี
1. ไม่ควรนอนอ่าน
2. มีสมาธิในการอ่าน
3. มีการจดบันทึกสิ่งที่ได้จากการอ่าน
4. รู้ที่มาของหนังสือที่อ่าน เพื่ออ้างอิง เพื่อหาความรู้ต่อยอดได้
5. มีวิจารณญาณในการอ่าน เพื่อวิเคราะห์สิ่งที่อ่านว่าอะไรเป็นข้อเท็จ อะไรเป็นข้อจริง
6. อ่านแล้วทบทวนสิ่งที่อ่านอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อจดจำ และเลือกนำไปปฏิบัติในการดำรงชีวิต
7. ถ้าต้องการอ่านเร็ว ต้องฝึกมาก ๆ และอ่านบ่อย ๆ จะช่วยลดเวลาในการอ่าน
8. ผู้อ่านควรมีประสบการณ์ความรู้พื้นฐานในเรื่องที่จะอ่าน หรือสนใจเรื่องที่จะอ่าน จึงจะประสบความสำเร็จ และเรียนศัพท์ใหม่ ๆ ที่เกิดจากการอ่าน
9. ผู้อ่านต้องฝึกจับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านให้ได้
10. อ่านแล้วต้องมีการทบทวนและเล่าต่อ ความรู้นั้นจะกลับมาให้จดจำได้ และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การอ่าน หมายถึง กระบวนการทางสมองที่จะแปลสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่มองเห็นได้ให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ตรงตามความคิดผู้เขียน และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
ความมุ่งหมาย
1. อ่านเอารส เช่น อ่านเพื่อความบันเทิง ฯลฯ
2. อ่านเอาเรื่อง เช่น อ่านจับใจความคร่าว ๆ อ่านเอาใจความสำคัญ อ่านเอารายละเอียด ฯลฯ
3. อ่านเอาสาระ เช่น อ่านค้นคว้าหาความรู้ อ่านข้อปฏิบัติ อ่านคำสั่ง ฯลฯ
ประเภทการอ่านที่เห็นความมุ่งหมายของการอ่าน แยกได้ 10 ประเภท
1. อ่านเพื่อศึกษาหาความรู้ – อ่านสารคดี
2. อ่านเพื่อค้นหาคำตอบ - อ่านตำรา
3. อ่านเพื่อจับใจความสำคัญ
วิเคราะห์ส่วนประสอบ
ความสำคัญ
ความสัมพันธ์
หลักการ
4. อ่านเพื่อลำดับเหตุการณ์
5. อ่านเพื่อสรุปความหรือย่อความ
6. อ่านเพื่อหารายละเอียดของเรื่อง
7. อ่านเพื่อจัดทำรายงาน
8. อ่านเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลหรือข่าวสาร
9. อ่านเพื่อปฏิบัติตามคำแนะนำหรือคำสั่ง อ่านวิธีการ
10. อ่านเพื่อธุรกิจหรือการพาณิชย์
11. อ่านเพื่อความบันเทิง
* เครื่องหมาย √ หมายถึง ลักษณะของหนังสือคัมภีร์ <<เต้าเต๋อจิง>>
ขั้นตอนการอ่าน
1. สำรวจตนเองว่าจะอ่านหนังสืออะไร เพื่ออะไร
2. สำรวจหนังสือจากสารบัญหรือโครงเรื่องหนังสือที่ตรงจุดประสงค์ที่ต้องการ เพื่อย่นระยะเวลาในการอ่านหนังสือ
3. สำรวจสิ่งแวดล้อม สถานที่และเวลาที่เหมาะสม
4. ควรมีการเตรียมจดบันทึกสาระสำคัญที่ต้องการนำไปใช้ คือ สุ จิ ปุ ลิ
ลักษณะการอ่านที่ดี
1. ไม่ควรนอนอ่าน
2. มีสมาธิในการอ่าน
3. มีการจดบันทึกสิ่งที่ได้จากการอ่าน
4. รู้ที่มาของหนังสือที่อ่าน เพื่ออ้างอิง เพื่อหาความรู้ต่อยอดได้
5. มีวิจารณญาณในการอ่าน เพื่อวิเคราะห์สิ่งที่อ่านว่าอะไรเป็นข้อเท็จ อะไรเป็นข้อจริง
6. อ่านแล้วทบทวนสิ่งที่อ่านอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อจดจำ และเลือกนำไปปฏิบัติในการดำรงชีวิต
7. ถ้าต้องการอ่านเร็ว ต้องฝึกมาก ๆ และอ่านบ่อย ๆ จะช่วยลดเวลาในการอ่าน
8. ผู้อ่านควรมีประสบการณ์ความรู้พื้นฐานในเรื่องที่จะอ่าน หรือสนใจเรื่องที่จะอ่าน จึงจะประสบความสำเร็จ และเรียนศัพท์ใหม่ ๆ ที่เกิดจากการอ่าน
9. ผู้อ่านต้องฝึกจับใจความสำคัญของเรื่องที่อ่านให้ได้
10. อ่านแล้วต้องมีการทบทวนและเล่าต่อ ความรู้นั้นจะกลับมาให้จดจำได้ และนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น